สุขภาพ เทคนิคบริหารกระดูกข้อเท้า ปรับตำแหน่งกระดูกให้ถูกต้อง เพื่อลดอาการปวดข้อเท้า เข่า สะโพก Posted by กภ.ปฎิมา เกษร On 25 สิงหาคม 2023 2 comments เท้าและข้อเท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่เราใช้งานอยู่ตลอดเวลาในทุก ๆ กิจกรรม และเป็นอวัยวะต้องทำหน้าที่รับน้ำหนักตัวเรามากที่สุด วันนี้เราจะมาบอกถึงสาเหตุของอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณกระดูกข้อเท้า และหากกระดูกของเรามีการผิดปกติจะส่งผลอย่างไรต่อส่วนอื่นในร่างกาย รวมถึงบอกเทคนิคบริหารกระดูกข้อเท้า ปรับตำแหน่งกระดูกให้ถูกต้อง เพื่อลดอาการปวดข้อเท้า เข่า สะโพกอีกด้วย แนะนำผู้เขียน กภ.ปฎิมา เกษรนักกายภาพบำบัด อ่านบทความทั้งหมดจากผู้เขียน Table of Contents สาเหตุของการเกิดอาการขาโก่งและอาการปวดเข่า ข้อเท้า และสะโพก โดยปกติแล้วเท้าของมนุยษ์คนเรา สังเกตได้ว่าบริเวณกระดูกหน้าแข้งด้านใน และกระดูกนิ้วโป้งด้านใน จะมีลักษณะค่อนข้างใหญ่ เพื่อรองรับน้ำหนักของเรา การลงน้ำหนักในส่วนบริเวณที่ใหญ่กว่าจะต้องเป็นจุดที่สามารถรับน้ำหนักได้ดีที่สุด ดังนั้นการลงน้ำหนักด้านในก็จะเป็นการลงน้ำหนักที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งบางคนอาจจะลงน้ำหนักไปด้านนอกเป็นการลงน้ำหนักที่ผิด และจะทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่ดี และจะทำให้กระดูกตรงกลาง หรือที่เรียกว่า กระดูก Talus มีการเอนหรือเอียงออกไปด้านนอก พอกระดูก Talus มีการเอนออกไป แน่นอนว่าร่างกายของเราก็จะไม่มั่นคง ถ้าไม่มั่นคงจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน ยกตัวอย่าง ในสมัยก่อนนั้น มนุษย์ใช้เท้าเดินบนพื้นดินที่มีความนุ่ม พื้นผิวที่มีการรองรับน้ำหนักได้อย่างพอดี ที่ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป ซึ่งทำให้การลงน้ำหนักนั้นมีการลงอย่างถูกต้อง แต่ในปัจจุบัน พื้นส่วนใหญ่สร้างมาจากคอนกรีตที่มีพื้นผิวที่ค่อนข้างแข็งเป็นอย่างมาก จึงทำให้การลงน้ำหนักบริเวณขาในช่วงกระดูกนิ้วโป้งและนิ้วก้อยไม่มีความสมดุลกัน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเบนของกระดูกบริเวณข้อเท้า (กระดูกTalus) และเมื่อกระดูก Talus เกิดการเอนออก กระดูกบริเวณหน้าแข้ง และสะโพกก็มีการหมุนออกตาม ทำให้บริเวณเข่าโก่งออก และทำให้บริเวณเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อต่อตรงเข่า บีบแคบลงทำให้เกิดอาการเจ็บ และปวดในบริเวณนั้นเอง ซึ่งคนที่มีลักษณะขาโก่ง และข้อเข่าเสื่อมจะเกิดอาการแบบนี้ง่าย เนื่องจากกล้ามเนื้อและกระดูกของเรานั้นไม่สมดุล หากกระดูกผิดรูปจะส่งผลอย่างไรและส่วนใดของร่างกาย เมื่อขามีลักษณะอาการโก่ง กล้ามเนื้อของเราก็จะทำงานได้ไม่สมดุลกัน เพราะส่วนด้านนอกจะมีอาการหดเกร็ง และเนื่องจากเราลงน้ำหนักฝั่งด้านนอกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กล้ามเนื้อ หรือกระดูกด้านในไม่แข็งแรง กล้ามเนื้อด้านนอกที่มีการหดเกร็งมากกว่าปกติ ก่อเป็นอาการที่เรียกว่า อาการเท้าผิดรูป เมื่อกระดูกเท้ามีการเบนออกข้างนอกหรือเท้าผิดรูปก็จะส่งผลให้ ปวดข้อเท้า กระดูกเข่าด้านในก็จะปวด รวมไปถึงช่วงสะโพกก็ปวดด้วย เมื่อบริเวณสะโพก หรือท่าทางเราไม่ดี ก็จะส่งผลไปถึงบริเวณคอ ทำให้อาจมีอาการปวดคอรวมด้วย วิธีการแก้คือ ต้องทำให้กล้ามเนื้อด้านในแข็งแรง และให้บริเวณด้านนอกรวมถึง ทำให้กล้ามเนื้อรอบ ๆ เช่น สะโพกด้านข้าง หน้าขา หน้าแข้ง มีการยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เช่น การนวด การทำกายภาพ หรือเครื่องมือต่าง ๆ เช่น บอลนวด หรือปืนนวด ที่จะช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ วิธีการสังเกตและเทคนิคบริหารกระดูกข้อเท้า ปรับตำแหน่งกระดูกให้ถูกต้อง อาการปวดเหล่านี้เราไม่ควรรอให้มีอาการเจ็บที่รุนแรง แต่ควรสังเกตตนเองอยู่ตลอด ซึ่งเราจะบอก 2 วิธีการสังเกตตนเองว่า อาการของคุณมีอาการกระดูกเท้าผิดรูปหรือไม่ 1.สังเกตจากรองเท้า ในบริเวณฝั่งนิ้วก้อยว่ามีการสึกมากกว่าบริเวณอื่นหรือไม่ หากมีการสึกหรอมากเพียงด้านเดียว อาจเป็นสัญญาณที่ว่าเท้าคุณอาจมีการเดินที่ผิดปกติ 2. พลิกฝ่าเท้ามาดูในบริเวณนิ้วก้อยหากมีก้อนเนื้อแข็ง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเช่นกัน หากเราแก้ให้กระดูกบริเวณข้อเท้ากลับมาตรง อาการเจ็บปวด บริเวณ เข่า หรือสะโพกก็จะมีอาการลดลงเช่นกัน ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์เทคนิคการปรับตำแหน่งของกระดูกข้อเท้าให้กลับตรง เพื่อลดอาการปวดข้อเท้า เข่า สะโพก แนะนำทำตามคลิปทุกวันก่อนนอนดูนะคะ บทสรุป ร่างกายของเรานั้นสัมพันธ์กันทุกส่วน และเท้าก็เป็นอวัยวะที่สำคัญที่เราต้องใส่ใจ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นเทคนิคที่ช่วยให้อาการเจ็บปวด ในบริเวณเท้าจะมีอาการดีขึ้น เพราะอาการเจ็บจากจุดเล็ก ๆ อาจเป็นปัญหาที่ส่งผลใหญ่มากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ
ค้นเรื่องท้าวโก่งมาหลาบเวบ เจอของคุณปฏิมานี่ดีที่สุดครับ ขอชมว่าเขียนได้ละเอียดและเข้าใจง่ายดีครับ ทั้งเรื่องและภาพประกอบทำมาอย่างดีเยี่ยม ผมให้ 5 ดาวเต็มครับ ขอบคุณเรื่องราวดีๆมีประโยชน์กับผู้คนได้บุญหลายครับ บุญจะส่งผลให้คุณปฏิมา(เพิ่งสังเกตุว่าชื่อเหมือนองค์พระ)ประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุๆๆ
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ ทางเราดีใจมากที่ข้อมูลเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านนะคะ