อายุที่มากขึ้น! ทำให้เวลานอนน้อยลง ตื่นกลางดึกบ่อยขึ้นจริงหรือไม่?
การนอนของผู้สูงอายุในปัจจุบัน การนอนของผู้สูงอายุมีลักษณะเป็นการตื่นบ่อย เนื่องจากการตื่นกลางคืนเป็นสิ่งธรรมดาของผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเกิดจากความไม่สบายหรือการต้องไปห้องน้ำ หรือเพื่อดื่มน้ำในกลางคืน จึงมักมีคำพูดที่ว่า “แก่แล้ว นอนไม่หลับ แถมตื่นเช้าอีก” ซึ่งผู้สูงอายุนอนไม่หลับ ตื่นกลางดึกไม่ใช่เรื่องปกติ
ลักษณะแบบนี้ทำให้ผู้สูงอายุมีอาการนอนไม่เพียงพอ ร่างกายรู้สึกไม่สดชื่น และยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตด้วย ดังนั้นการนอนจึงเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
แนะนำผู้เขียน
Hiromi Kurihara
Senior sleep health instructor
อาจารย์อาวุโสด้านสุขภาพและการนอนหลับ จบจากสถาบัน Japan Sleep Education System ประเทศญี่ปุ่น โดยมีแนวคิดที่ว่า “การนอนหลับเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร Kenko Shop มุ่งเน้นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการนอนและค้นหาเครื่องนอนสุขภาพจากญี่ปุ่นส่งถึงมือชาวไทย
ยาวไป อยากเลือกอ่าน
การนอนหลับที่เปลี่ยนไปตามวัย
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ความแข็งแรงทางกายภาพของเราก็จะเริ่มลดลง เช่น สายตาก็ยาวตามอายุ และเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีเทา การนอนหลับของเราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน การนอนหลับของผู้สูงอายุมีลักษณะเปลี่ยนแปลงตามวัย ผู้สูงอายุนอนไม่หลับ และจะมีแนวโน้มที่จะนอนน้อยลง แต่ต้องการเวลาในการนอนมากขึ้น เนื่องจากร่างกายผู้สูงอายุเริ่มมีการสลายตัว และการฟื้นฟูตัวเองจึงช้าลง
การเปลี่ยนแปลงอย่างแรก คือ ผู้สูงอายุมักจะเข้านอน และตื่นเร็วกว่าตอนเป็นเด็ก ทั้งนี้เป็นเหตุเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของนาฬิกาชีวิต ที่มีความเกี่ยวข้องกับอายุ ไม่เพียงแต่การนอนหลับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจังหวะการทำงานทางร่างกายมากมายที่สนับสนุนด้านการนอน เช่น ความดันโลหิต อุณหภูมิของร่างกาย และการหลั่งฮอร์โมนก็เปลี่ยนไป ดังนั้นการที่ผู้สูงอายุตื่นเช้านั้นไม่ใช่อาการของโรค คุณควรเข้านอนเมื่อคุณรู้สึกง่วง และถ้าคุณตื่นแต่เช้าและนอนไม่หลับ ก็ให้ลุกจากเตียงและใช้เวลาช่วงเช้าให้คุ้มค่าที่สุด
ประการที่สอง คือ การนอนเปลี่ยนเป็นระยะการนอนแบบตื้น เมื่อใช้เครื่องตรวจคลื่นสมอง ปรากฎว่าการนอนหลับลึก แบบ Non-REM ลดลง และ การนอนหลับตื้นแบบ Non-REM จะเพิ่มขึ้นแทน ดังนั้นแล้วการที่เพียงแค่ความรู้สึกอยากจะไปเข้าห้องน้ำ หรือ เพียงแค่เสียงเบา ๆ ก็สามารถทำให้คุณตื่นได้ง่าย
คุณนอนอยู่บนเตียงนานไปรึป่าว
เข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นเช้าก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเข้านอนเพียง เพราะแค่คุณไม่มีอะไรทำทั้งที่คุณก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอน เพราะภาวะการนอนจะแย่ลง อัตราการตื่นขึ้นกลางดึกก็จะสูง เมื่อคุณอายุมากขึ้น เวลาการนอนของคุณก็จะน้อยลง หรือก็พูดได้ว่าอยากให้เวลานอนในตอนเด็ก ๆ นั้น มาทดแทนการนอนที่น้อยลงในช่วงอายุที่มากขึ้น
การนอนนานเกินไปไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือร่างกายไม่สบาย เพราะการนอนนานเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะแข็งตัว หรืออาจมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว
ในทางกลับกัน เวลาที่ใช้อยู่บนเตียงล่ะ?
เรารู้ว่าผู้สูงอายุใช้เวลาอยู่บนเตียงมากขึ้น ผู้สูงอายุนั้นใช้เวลาอยู่บนเตียงมากแต่กลับกันผู้สูงอายุมีเวลานอนหลับน้อย ส่งผลให้ระยะเวลาอยู่บนเตียงนานแต่ไม่ได้หลับเพิ่มขึ้น และความพึงพอใจในการนอนหลับก็ลดลง
การนอนของผู้สูงอายุควรอยู่ในช่วง 7-9 ชั่วโมงต่อวัน โดยแบ่งเป็น 2-3 ช่วงเวลา โดยเวลานอนในช่วงกลางคืนควรไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
ความผิดปกติที่พบในผู้สูงอายุ
ในผู้สูงอายุ นอกจากภาวะความเครียดทางจิตใจ เช่น การเกษียณอายุ การไม่มีสมาธิ การอยู่คนเดียว ชีวิตประจำวันที่ไม่กระฉับกระเฉง และขาดความสดใส ความเจ็บป่วยทางร่างกาย และผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษานั้น ทำให้พวกเขามีความอ่อนไหวกับอาการนอนไม่หลับ อีกทั้งอาการแน่นหน้าอกในตอนกลางคืน เนื่องจากเจ็บหน้าอกหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ปัสสาวะบ่อยเนื่องจากต่อมลูกหมากโต อาการคันเนื่องจากอาการคันที่ผิวหนัง และการนอนไม่หลับเนื่องจากความเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด
การนอนของผู้สูงอายุอาจมีความผิดปกติ โดยเฉพาะการนอนมากขึ้นในช่วงกลางวัน หรือการนอนขึ้นมาตอนกลางคืนแล้วไม่สามารถกลับไปนอนได้อีก ซึ่งอาจเกิดจากสภาวะซึมเศร้า หรือภาวะสมองเสื่อม
นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ขาดการออกกำลังกาย ทำงานกะกลางคืน ฯลฯ และสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ไม่ได้ส่งผลดีต่อการนอนหลับในวัยหนุ่มสาว ก็ทำให้เกิดความผิดปกติของการนอนหลับได้เช่นกัน ฉะนั้นหากคุณมีอาการนอนไม่หลับแล้วหละก็ควรเริ่มหาแพทย์ปรึกษาหาสาเหตุของอาการ เพื่อที่อพทย์จะได้ระบุอาการ และรีบรักษาให้คุณได้อย่างตรงจุด
ผู้สูงอายุนั้นมักจะอ่อนไหวต่อความผิดปกติของการนอนหลับ ในหมู่ผู้สูงอายุ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ, โรคขากระตุก, ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวของแขนขาเป็นระยะ ความผิดปกติของพฤติกรรมการนอนหลับ REM ฯลฯ จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจ และวินิจฉัยที่สถานพยาบาลที่มีความเฉพาะทาง ความผิดปกติของการนอนหลับแบบพิเศษเหล่านี้มีวิธีการรักษาแบบเฉพาะ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยานอนหลับทั่วไป หากสงสัยว่ามีปัญหาการนอนหลับเหล่านี้ ควรหาแพทย์เฉพาะทางเพื่อที่จะได้รักษา
ผู้สูงอายุมีความรู้สึกไวต่อยานอนหลับมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า (แม้ปริมาณยาน้อยก็ได้ผลมาก) และความสามารถในการขับออกจากร่างกายก็แย่กว่า ดังนั้นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการพัฒนายานอนหลับที่ให้ผลข้างเคียง เช่น อาการวิงเวียนศีรษะ และอาการหน้ามืดน้อยลง
ปัญหาการนอนของภาวะสมองเสื่อม
ผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม อาจมีปัญหาเรื่องการนอน ซึ่งอาจทำให้เกิดการตื่นบ่อยและการนอนไม่หลับในกลางคืน ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพจิตและสุขภาพทางกายของผู้สูงอายุได้
ผู้ที่มีอาการของภาวะสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์นั้น จะนอนหลับได้น้อยกว่าคนในวัยเดียวกัน และจะเห็นถึงอาการต่าง ๆในปัญหาของการนอน ผู้ที่ป่วยภาวะสมองเสื่อมขั้นรุนแรงนั้นมักจะมีอาการนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะมีอัตราอาการนอนไม่หลับในเวลากลางคืน และมีการงีบหลับในเวลากลางวันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จังหวะการนอนและการตื่นผิดปกติ จังหวะการนอนทั้งกลางวันและกลางคืนสลับกัน
นอกจากนี้ก็จะมีอาการเพ้อปรากฏออกมาบ่อย ๆ อีกด้วย ในเวลาเช่นนี้ พวกเขาจะกระวนกระวายใจได้ง่าย และบางครั้งก็ก้าวร้าวเนื่องจากความวิตกกังวล ทำให้ภาระในการดูแลเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมส่วนหนึ่งมักจะมีอาการที่เรียกว่าซันดาวน์ (Sundown Syndrome) โดยจะมีพฤติกรรมเช่น เดินเร่ร่อน กระสับกระส่าย ตื่นเต้น และเสียงแปลก ๆ โดยจะสังเกตุได้ง่ายตั้นแต่เวลาเย็นถึงเวลาเข้านอน คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับจังหวะการนอนหลับและตื่นที่ผิดปกติ
วิธีการช่วยให้ผู้ป่วยสมองเสื่อมให้นอนหลับได้
ผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม อาจต้องการการช่วยเหลือในการนอนหลับ เช่น การใช้ยานอนหลับ หรือการใช้เทคนิคการนอนหลับที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมีการนอนหลับที่ดีและสามารถพักผ่อนตามสมควรได้ นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยปรับปรุงการนอนหลับของผู้สูงอายุได้ ดังนี้
ปรับสภาพแวดล้อม ในการนอน
รับแสงแดดยามเช้า
จัดเวลานอนและตื่นเป็นประจำ
จัดเวลาทานอาหารอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการงีบหลับระหว่างวัน
ออกกำลังกายตามเวลาที่กำหนด
ไม่ดื่มน้ำเยอะเกินไป
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคติน
รับมือกับอาการเจ็บปวด
เลี่ยงการใช้ยารักษาโรคสมองเสื่อม หลังเที่ยง
บทสรุป
บทความนี้เน้นความสำคัญของการนอนหลับสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากการนอนหลับไม่เพียงช่วยฟื้นฟูร่างกายเท่านั้น แต่ยังลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ และปรับปรุงสุขภาพจิตด้วย บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับของผู้สูงอายุ เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอนหลับเมื่อเราเข้าสู่วัยชรา ปริมาณการนอนหลับที่แนะนำ และปัญหาและอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุ เช่น ภาวะซึมเศร้าและโรคสมองเสื่อม
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับและกลยุทธ์สำหรับการปรับปรุงการนอนหลับในผู้สูงอายุ ทั้งการใช้อุปกรณ์ช่วยนอนหลับและการปรับนิสัยการนอนหลับที่เหมาะสมกับร่างกายอีกด้วย หวังว่าผู้ที่ได้อ่านบทความนี้ จะมีการนอนหลับที่ดีขึ้น จนไม่มีโอกาสพูดว่า “แก่แล้ว นอนไม่หลับ” อีกเลยค่ะ