การนอนหลับ

คุณสามารถรับมือกับความเครียดและปัญหาของการนอนไม่หลับได้ไหม?

ผู้หญิงกดอดหมอนและกำลังยิ้ม

คิดว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยิน ได้ฟังเรื่องของการนอนหลับกับการดูแลสภาพจิตใจว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แต่ก็อาจจะไม่ได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วทั้งสองมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร

ดังนั้นในครั้งนี้จึงอยากนำเสนอให้ทุกคนได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของการนอนหลับกับสภาพจิตใจของเราค่ะ

แนะนำผู้เขียน

Hiromi Kurihara
Senior sleep health instructor

อาจารย์อาวุโสด้านสุขภาพและการนอนหลับ จบจากสถาบัน Japan Sleep Education System ประเทศญี่ปุ่น โดยมีแนวคิดที่ว่า “การนอนหลับเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร Kenko Shop มุ่งเน้นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการนอนและค้นหาเครื่องนอนสุขภาพจากญี่ปุ่นส่งถึงมือชาวไทย

ยาวไป อยากเลือกอ่าน

ผู้หญิงนั่งกุมศีรษะ เหมือนคนกำลังเคลียด

หากความเครียดถูกสะสมขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลเสียต่อการนอนหลับ

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหากเรามีปัญหา หรือความกังวลในใจเราจะนอนไม่ค่อยหลับ โดยระบบประสาทอัตโนมัติของคนเราแบ่งออกเป็น 2 ระบบย่อย คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก และระบบประสาทพาราซิมพาเทติก

ระบบประสาทซิมพาเทติกเป็นระบบที่จะถูกกระตุ้นให้มีอำนาจเมื่อเราเกิดความตื่นเต้น ประหม่า และรู้สึกเครียด และยังทำหน้าที่อื่น ๆ อีกเช่น ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น หยุดการทำงานของระบบย่อยอาหาร เป็นต้น

ผูหญิงยิ้มอย่างผ่อนคลายและมีความสุข

ในทางกลับกันระบบประสาทพาราซิมพาเทติก จะถูกกระตุ้นเมื่อเรารู้สึกผ่อนคลาย และทำหน้าที่อื่น ๆ อีกเช่น ขยายหลอดเลือด ลดอัตรการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต ช่วยให้ระบบย่อยในกระเพาะอาหารทำงานเป็นปกติ เป็นต้น

ซึ่งร่างกายของเรารักษาสมดุลร่างกายโดยระบบประสาทอัตโนมัติทั้ง 2 ระบบย่อยนี้ ตามเวลาและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากว่าคุณเกิดความรู้สึกวิตกกังวลใจ ระบบประสาทซิมพาเทติกก็จะยังคงถูกกระตุ้น และทำหน้าที่อยู่เรื่อย ๆ 

หากคุณผ่อนคลายแล้วล่ะก็ ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก จะถูกกระตุ้น และสามารถทำให้คุณนอนหลับสบายตลอดคืนได้อย่างราบรื่น ในทางกลับกันหากระบบประสาทซิมพาเทติกถูกกระตุ้นให้มีอำนาจ คุณก็จะนอนไม่หลับนั่นเอง

นอกเหนือจากอาการนอนไม่หลับ

ระบบประสาทซิมพาเทติกถูกกระตุ้นเมื่อคุณเกิดความเครียดซึ่งจะส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ นอกจากนี้ยังเสี่ยงให้เกิดความเครียดสะสมอีกต่างหาก

การนอนหลับจะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียด หากว่าคุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ ความเครียดนี้จะไม่หายไปและคุณจะไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข

และหากความเครียดถูกสะสมขึ้นเรื่อย ๆ ระบบประสาทซิมพาเทติกจะถูกกระตุ้นมีอำนาจเหนือขึ้นมาทันทีได้อย่างง่าย ส่งผลให้เป็นโรคนอนไม่หลับได้ในที่สุด และทำให้คุณเข้าสู่วงจรเชิงลบนี้ไปเรื่อย ๆ  คือ เมื่อนอนไม่หลับเพราะเครียดก็ทำให้ความเครียดยิ่งสะสมไปอีกเพราะนอนไม่หลับนั่นเอง

ดังที่กล่าวไปช่วงต้นว่า สภาพจิตใจและการนอนหลับมีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ดังนั้นทั้ง 2 จึงมีความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อกันและกันอย่างมาก

ผู้ชายกำลังเครียดมาก เหมือยอยากตะโกน

หากความเครียดถูกสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเกิดอะไรขึ้น?

หากความเครียดถูกสะสมมาเรื่อย ๆ ไม่เพียงจะส่งผลให้นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดอาการอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย 

ตัวอย่างของอาการที่มีสาเหตุมาจากความเครียด

 ปวดศีรษะ

 วิงเวียน, หน้ามืด

 ท้องเสียและท้องผูก

 ผิวแห้ง

 ลมพิษ

 ปวดเมื่อยบ่า ไหล่ คอ

 เหนื่อยล้า

 ภูมิคุมกันต่ำลง

ประจำเดือนมาไม่ปกติ

นอกจากนี้ หากว่าอาการถึงขั้นรุนแรงก็จะเข้าสู่ภาวะจิตตกได้ และส่งผลให้เกิดอาการที่รุนแรงมากขึ้นอีก เช่น เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวน อาการอ่อนล้าเรื้อรัง Dysautonomia (ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ) เป็นต้น

เพื่อป้องกันก่อนที่เราจะเกิดอาการเหล่านี้ สิ่งสำคัญเลยก็คือ ปรับเปลี่ยนพฤิกรรมการดำเนินชีวิตเพื่อให้เราสามารถรับมือกับปัญหาความเครียดและนอนหลับพักผ่อนได้อย่างราบลื่นค่ะ

ควรรับมือกับปัญหาการนอนไม่หลับด้วยวิธีการไหนดี?

แล้วในความเป็นจริงเราจะลดความเครียดลงได้อย่างไรและจะต้องรับมือกับปัญหาการนอนไม่หลับด้วยวิธีการไหนดี? ซึ่งในหัวข้อถัดไปนี้จะพูดถึงเกี่ยวกับประเด็นนี้กันค่ะ

ตนกำลังวิ่งอยู่ที่สวน

ออกกำลังกายพอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ

วิธีการแรกนั่นก็คือ การออกกำลังกายพอเหมาะอย่างสม่ำเสมอนั่นเองค่ะ

   การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นให้ฮอร์โมนเซโรโทนินหลั่งออกมา ซึ่งส่งผลช่วยในการรักษาสมดุลสุขภาพจิตใจของเรา ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีหนึ่งที่รับมือกับปัญหาความเครียดได้

   นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้าในระดับพอเหมาะ ซึ่งช่วยให้เรานอนหลับสบายได้อย่างราบลื่น โดยการออกกำลังกายมีผลทั้งกับความเครียดและการนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงควรออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย

   อย่างไรก็ตาม ไม่ควรออกกำลังกายรูปแบบที่หนัก หักโหมก่อนเข้านอนเพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ระบบประสาทซิมพาเทติกตื่นตัว ทำให้ดวงตาของเราแจ่มใสและส่งผลให้นอนไม่หลับได้

   หากเรานำการออกกำลังกายมาเป็นวิธีป้องกันความเครียดและอาการนอนไม่หลับ ให้ระวังในเรื่องของระยะเวลาและความเข้มข้นของรูปแบบการออกกำลังกาย ถ้าเป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างเข้มข้น เช่น เวทเทรนนิ่ง ควรออกเว้นระยะห่างก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง แต่หากเราออกก่อนเข้านอนประมาณ 1 ชั่วโมง ควรเป็นการออกกำลังกายรูปแบบเบา ไม่หนักหน่วง เช่น การยืดกล้ามเนื้อหรือโยคะ เป็นต้น

และหากว่าต้องออกกำลังกายทุกวันก็อาจทำให้คุณรู้สึกเครียดเกินไปและนำไปสู่ภาวะเครียดได้ ดังนั้นใน 1 สัปดาห์แบ่งเวลาออกกำลังกาย 3-4 วัน ก็เพียงพอแล้ว

แช่น้ำอุ่น

   สำหรับคนที่ยุ่งกับงานมาตลอดทั้งวัน คิดว่ามีหลายคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่อาจจะคิดว่าแค่อาบน้ำก็เพียงพอแล้ว แต่กุญแจสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับของคุณเลยก็ คือ การแช่น้ำอุ่นต่างหาก

เราจะนอนหลับได้ง่ายเมื่ออุณหภูมิร่างกายของเราอบอุ่น และกระจายออกไปทั่วร่างกาย ดังนั้นการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำจะช่วยให้นอนหลับสบาย

  นอกจากนี้ หากอาบน้ำอุณหภูมิร้อนเกินไปความร้อนจะทำให้ผิวหนังของคุณตึงเครียดและทำให้ให้เส้นประสาทซิมพาเทติกถูกกระตุ้นให้ทำงาน อาจส่งผลให้นอนหลับได้ยาก 

ดังนั้น หากอาบน้ำร้อนควรทำให้น้ำอุ่นอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 38-40 องศา จะดีเลยค่ะ

ดื่มนมอุ่่น

ดื่มนมอุ่น

หลายคนคงอาจเคยได้ยินและทราบมาแล้วว่า การดื่มนมอุ่นจะช่วยทำให้นอนหลับสบาย

   ซึ่งสารอาหารจากนมอุ่นเมื่อเราดื่มเข้าสู่ร่างกายจะถูกย่อยและเปลี่ยนเป็นสารทริปโตเฟน เซโรโทนินและเมลาโทนิน สารนอนหลับทัั่ง 3 ชนิดนี้จะช่วยให้เรานอนหลับสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

และเนื่องจากคุณสามารถเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้สูงขึ้นด้วยการดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอน ดังนั้นคุณจึงสามารถคาดหวังผลของอาการง่วงนอนที่เกี่ยวข้องกับ (อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น→ลดลง) ได้

   แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะง่วงนอนทันทีหลังจากดื่มนมอุ่นเพราะจะต้องใช้เวลาสำหรับการย่อยส่วนประกอบนมอุ่นเพื่อเปลี่ยนเป็นสารนอนหลับ เช่น เซโรโทนิน เป็นต้น และรออุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นลดลงก่อน ดังนั้นควรจัดเวลาไว้เลย เช่น ดื่มนมอุ่นก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง

คนนอนกำลังเปิดเพลงฟังให้สบาย

ฟังเพลงหรือดนตรี

   การฟังเพลงหรือดนตรีจะช่วยให้ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกมีอำนาจเหนือขึ้นมา ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น

แต่ก็มีข้อแม้บางจุดในการฟังเพลงหรือดนตรีเพื่อส่งเสริมการนอนหลับด้วยเช่นกัน

ผุ้หยิงเปิดฟังกำลังนอน

ข้อแรก คือ เพลงและดนตรีที่ฟังควรอยู่ใน 3 รูปแบบ ดังนี้

ดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้อง

เสียงธรรมชาติ เช่น สายน้ำที่กำลังไหล

ดนตรีที่มีคลื่นความถี่อย่างน้อย 4,000 Hz ขึ้นไป

   หากว่าฟังเพลงหรือดนตรีที่มีเนื้อร้องแล้วล่ะก็ สมองจะทำงานโดยธรรมชาติเพื่อจับประเด็น และคิดเกี่ยวกับความหมายของคำเหล่านั้น แล้วคุณก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่นอนไม่หลับ

และดนตรีที่มีคลื่นความถี่สูงอย่างน้อย 4,000 Hz นั้น พบได้ในบทเพลงคลาสสิคของโมทซาร์ท ในเพลงคลาสสิคมีจังหวะที่ผ่อนคลายอยู่มากมาย และเหมาะสำหรับการทำให้จิตใจสงบผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ

หากว่าคุณฟังเพลงหรือดนตรี ที่มีท่วงจังหวะที่เข้มข้น รวดเร็ว จิตใจของคุณจะถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว ทำให้คุณนอนไม่หลับ ดังนั้นควรระวังตรงจุดนี้ด้วย 

เปิดเพลงที่มีการเลือกตั้งหยุดเอง

   ข้อที่ 2 คือ ให้ตั้งโหมดปิดเพลงหรือดนตรีอัตโนมัติหลังจากที่เรานอนหลับแล้ว 

เพลงหรือดนตรีใช้เพื่อผ่อนคลายจิตใจของเราเท่านั้น ดังนั้นหลังจากที่เราหลับไปแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดฟังตลอด

   ถ้าหากเพลงหรือดนตรียังคงเปิดอยู่ขณะที่คุณหลับไปแล้ว คุณอาจจะถูกปลุกให้ตื่นได้ด้วยการกระตุ้น

ของเสียงเพลง ดังนั้นให้ใช้ฟังก์ชันสลีปและตั้งค่าให้ปิดโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง

ผู้ชายยกำลังเล่นมือถือก่อนนอน

ไม่เล่นโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊กก่อนเข้านอน

  หากต้องการเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้ดีมากยิ่งขึ้น แนะนำว่าไม่ควรเล่นโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊กก่อนเข้านอน

เมื่อเรามองไปที่แสงสีฟ้า (Blue light) จากบนหน้าจอโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊ก ร่างกายของเราจะรู้สึกว่าขณะนั้นเป็นเวลากลางวันอยู่

ซึ่งเมื่อมีแสงไฟในตอนนอนหลับการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินจะถูกยับยั้งและทำให้เรานอนหลับยากหรือนอนไม่หลับนั่นเอง

หลาย ๆ คนอาจไม่ได้ใส่ในจุดนี้เพราะคิดเพียงว่าแค่ดูโทรศัพท์ก่อนนอนเท่านั้นเอง ถึงอย่างนั้นให้เรามีความอดทนและนอนหลับแบบสบายใจโดยที่ไม่ดูโทรศัพท์ดีกว่าค่ะ

กำลังเขียนไดอารี่ เพื่อบันทึกเรื่องราวแต่ละวัน

เขียนเรื่องที่เราเผชิญตลอดทั้งวัน เช่น ความกังวลหรือความทุกข์ใจ เขียนเรื่องกังวลหรือทุกข์ใจ ลงไปในกระดาษ

   การ “ทำให้สมองปลอดโปร่ง” เป็นเรื่องที่สำคัญ หากคุณมีความกังวลใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ จะทำให้
ภายในสมองของคุณคิดซ้ำไปซ้ำมาในเรื่องนั้นๆ ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับได้ในที่สุด

   ทั้งนี้รวมถึงคนที่ค่อนข้างยุ่งกับการทำงาน หรือ ทำงานหนักมาตลอดทั้งวันก็แนะนำให้เขียน “เรื่องที่เผชิญตลอดวันที่ทำให้รู้สึกกังวลหรือทุกข์ใจ” อาจเป็นไดอารี่หรือสมุดบันทึกเล็ก ๆ ก็ได้ เพราะเมื่อคุณได้เขียนเรื่องราวปัญหาในวันนั้น ๆ ออกมา เท่ากับว่าคุณได้ขับสิ่งเหล่านี้ออกจากสมองและจิตใจของคุณเช่นกัน

สรุป

หัวข้อในครั้งนี้ได้พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการนอนหลับกับจิตใจให้ทุกคนได้ทราบกันไปแล้ว

เพราะการนอนหลับกับจิตใจมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และความเครียดที่ถูกสะสมเรื่อยๆ ส่งผลให้นอนหลับยากและยังเป็นสาเหตุของโรคนอนไม่หลับ

ดังนั้นเพื่อให้คุณใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีสุขภาพที่ดี ให้กลับมาใส่ใจเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเป็นการลดความเครียดในแต่ละวัน

แนะนำให้นำเกร็ดความรู้ที่ได้ในครั้งนี้ไปลองทำกันดูนะคะ ได้ผลลัพธ์ยังไงมาคอมเม้นต์กลับได้ค่ะ

ขอแนะนำ! Hinoki Essential Oil

การดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด จิตใจรู้สึกสงบขึ้น ส่งผลดีต่อการนอนหลับ เราจึงแนะนำเป็นอย่างมากให้คุณจุดเครื่องหอมเพื่อผ่อนคลายก่อนนอน

Hinoki essentail oil เป็นน้ำมันหอมระเหยจากไม้หอมฮิโนกิ 100% ปลูกในประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งหากคุณยืนอยู่กลางป่าฮิโนกิที่ญี่ปุ่น คุณจะสัมผัสได้ถึงความเย็นและกลิ่นหอมสดชื่นที่ลอยมาตามลม

กลิ่นหอมที่ว่านี้ได้ถูกสกัดมาในรูปแบบ “Essential oil” ให้คุณสามารถเติมกลิ่นหอมนี้ในห้องนอนหรือทุก ๆ จุดในบ้านของคุณของคุณ เพื่อความผ่อนคลาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *