สุขภาพ อะไรคือตัวการร้าย ทำให้หน้าบวม ขาบวม? พร้อมวิธีเด็ดบอกลาอาการบวม! 2 เมษายน 2024 Posted by Hiromi 02 เม.ย. “อาการบวม” เป็นปัญหาที่ผู้หญิงมักจะเจอบ่อยที่สุดเท้าของฉันบวมในตอนเย็นหน้าบวม ทำให้เปลือกตาปิดในตอนเช้าขาบวมเพราะยืนทำงาน บางคนมักมีปัญหาแค่บางส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า ขา และเท้า แต่ในขณะที่บางคนก็พบกับปัญหานี้ทั่วร่างกายปัญหานี้จะบรรเทาได้ด้วยการวิธีป้องกันความเย็นที่จะเข้ามากระทบกับร่างกายนั่นเอง แล้วความเย็นกับอาการบวมนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ? ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการบรรเทาอาการบวมจากความหนาวเย็นด้วยการออกกำลังกาย และการเลือกทานอาหาร นอกจากนั้นแล้ว เราจะแนะนำวิธีการยืดเส้นที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ เพื่อลดอาการปวดบวม ดังนั้นลองอ่านแล้วนำไปทำตามกันเลย! แนะนำผู้เขียน Hiromi KuriharaSenior sleep health instructor อาจารย์อาวุโสด้านสุขภาพและการนอนหลับ จบจากสถาบัน Japan Sleep Education System ประเทศญี่ปุ่น โดยมีแนวคิดที่ว่า “การนอนหลับเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร Kenko Shop มุ่งเน้นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการนอนและค้นหาเครื่องนอนสุขภาพจากญี่ปุ่นส่งถึงมือชาวไทย อ่านบทความทั้งหมดจากผู้เขียน ยาวไป อยากเลือกอ่าน ให้ความสนใจกับปริมาณของเหลวในร่างกาย และ 5 สาเหตุของอาการบวม รู้หรือไม่? ว่าร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำจะนำพาสารอาหาร และของเสียไหลเวียนไปส่งตามที่ต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างไรก็ตามหากมีน้ำมากเกินไปในร่างกาย จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ เรามาดู 5 สาเหตุที่ทำให้มีอาการบวมกัน! สาเหตุที่ 1 ระบบไหลเวียนไม่ดี ภายในร่างกายจะมีของเหลวต่าง ๆ เช่น เลือด น้ำเหลือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไหลเวียนในร่างกายของเรา แต่เมื่อการไหลเวียนไม่ดี ของเสียต่าง ๆ จะเริ่มไปสะสมที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งในร่างกายทำให้เกิดผลเสียตามมา และหากคุณสวมกางเกงรัดรูป ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ระบบไหลเวียนไม่ดีเช่นกัน ความเย็นก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน สาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการบวมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สาเหตุที่ 2 มวลกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ การขาดมวลกล้ามเนื้อเป็นส่วนหนึ่งของอาการบวม กล้ามเนื้อนี้ทำงานเหมือนตัวสูบที่จะบีบและขยายเพื่อส่งเลือดไปทั่วร่างกาย ช่วยในการไหลเวียนของเลือด ถ้ามวลกล้ามเนื้อไม่มากพอ การไหลเวียนก็จะทำได้ไม่ดี ส่งผลให้หน้าและขาบวมได้ สาเหตุที่ 3 ทานเค็มมากเกินไป การทานเค็มมากเกินไปมีผลทำให้ท้องอืด และกระหายน้ำ การที่ร่างกายบังคับให้ต้องการน้ำ เป็นการทำให้ปริมาณโซเดียมในเลือดลดลงเพื่อลดความหนืด และเมื่อทานเค็มมาก โซเดียมจะเข้าไปรบกวนความสามารถในการขับของเหลวออกจากร่างกาย ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “บวมน้ำ” สาเหตุที่ 4 ความสามารถในการเผาผลาญลดลง เมตาบอลิซึมเป็นส่วนที่ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างปกติ การที่ขาดการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งทำให้ระบบเผาผลาญไม่ดี สาเหตุที่ 5 การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผู้หญิงมักจะประสบกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และรูปร่างอยู่ตลอด ความเปลี่ยนแปลงนี้จะเข้าไปรบกวนระบบเผาผลาญ และทำให้ร่างกายกักเก็บปริมาณน้ำมากเกินไป แต่ความจริงแล้ว อาการบวมน้ำอาจจะเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น วิธีเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะช่วยลดอาการบวม วิธีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ควรเริ่มต้นด้วยการทบทวนตัวเองก่อนว่าสาเหตุของอาการบวมเหล่านี้เกิดขึ้นจากอะไร เช่น พฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย เป็นต้น โดยสามารถค่อย ๆ ปรับโดยไม่หักโหมจะเป็นการดีที่สุด อาหารที่ทานควรมีปริมาณเกลือที่ต่ำและระดับโพแทสเซียมต่ำการรับประทานอาหารที่ดีนั้นต้องคอยคำนึงถึงปริมาณการปรุงที่เหมาะสมเข้าใว้ ใช้เกลือน้อยลง การได้รับปริมาณโซเดียมที่มากเกินความจำเป็นนั้นจะทำให้เกิดอาการบวม แม้ว่าคุณจะไม่ได้ชอบทานอาหารที่มีรสเค็ม เช่น ขนม หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็ตาม แต่สิ่งที่คุณได้รับไปอาจจะมีปริมาณที่มากเกินโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ โดยเฉพาะ น้ำปลาหรือซอสถั่วเหลือง ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของชาวไทยเพราะมันมีส่วนผสมของโซเดียมเยอะ อีกทั้งพวกของหมักดอง หรือแม้แต่ปลาแห้งก็เช่นกัน ปริมาณโซเดียมที่มีในอาหารเหล่านั้นอาจจะมากเกินไปในชีวิตประจำวัน (ผู้ชายควร : น้อยกว่า 9 กรัม ผู้หญิงควร : น้อยกว่า 7.5 กรัม) การบริโภครสเค็มเกินไปไม่เพียงแต่จะทำให้มีอาการบวมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงให้โรคต่าง ๆ อีกด้วย คุณสามารถลดได้ด้วยวิธีการตักปรุงอาหารโดยคำนึงถึงปริมาณเครื่องปรุงที่ใส่ (ถ้าทำอาหารทานเอง) หรือเลือกดูอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมที่น้อยก่อนการตัดสินใจซื้อ (อาหารสำเร็จรูป) จากปริมาณโซเดียมคุณสามารถคำนวณปริมาณเกลือได้ ปริมาณเกลือ (g) = ปริมาณโซเดียม (มก.) x 2.54 ÷ 1,000 ด้วยวิธีนี้ ให้พิจารณาปริมาณเกลือทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน และระวังไม่ให้เกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน การบริโภคโพเทสเซียม เมื่อระวังไม่รับประทานเกลือมากเกินไป (โซเดียม) ในขณะเดียวกันการทานโพเทสเซียมที่มากเกินไปก็เป็นเรื่องควรระวัง เพราะโพเทสเซียมมีความสามารถในการยับยั้งการดูดซึมโซเดียม และความสามารถในการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายด้วยเช่นกัน อาหารที่อุดมไปด้วยโพเทสเซียมมีดังนี้ สาหร่าย / สาหร่ายในซุปมิโซะ / นัตโตะ / กล้วย / ส้ม /แตงโม / อะโวคาโด / มันฝรั่ง / เผือก / ผักโขม / ปวยเล้ง / ผักกวางตุ้งญี่ปุ่น และ นมวัว เป็นต้น การทานอาหารที่มีโพเทสเซียมอย่างมีสติจะช่วยให้ลดอาการบวมได้ดี อบอุ่นร่างกายด้วยการอาบน้ำช้า ๆ เนื่องจากความเย็นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายบวมได้ ฉะนั้นการอาบน้ำโดยค่อย ๆ ใช้เวลาอาบนั้น จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และลดอาการบวมได้ อุณหภูมิของน้ำที่ดีที่สุดต่อร่างกายคือ 38-40℃ แต่ระวังอย่าให้ร้อนเกินไป เพราะจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย การใช้อ่างอาบน้ำเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ดี เพราะในอ่างอาบน้ำจะมีแรงดันของน้ำที่จะไปช่วยให้กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดได้ จะยิ่งทำให้บวมน้อยลง ข้อควรระวัง ของการอาบน้ำโดยใช้อ่างอาบน้ำ จะทำให้เหงื่อของคุณออกเยอะมาก เพราะฉะนั้น การดื่มน้ำสักแก้วเป็นสิ่งที่ดี และควรทำ เพื่อให้น้ำเข้าช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น และไปช่วยระบบไหลเวียนของเลือดต่อไป เพิ่มความสามารถในการเผาผลาญและระบบไหลเวียนด้วยการออกกำลังกาย การรักษามวลกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายทุกวันเป็นสิ่งที่ดี เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องหักโหม เพียงแค่ เดิน 20 นาที ในตอนเช้าก็เพียงพอ เมื่อร่างกายคุ้นชินกับการออกกำลังกายแล้วกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ตามมา จากนั้นระบบไหลเวียนจะดีขึ้น อาการบวมของคุณก็จะค่อย ๆ ลดลงไป นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอ ก็จำเป็นต่อการบรรเทาอาการบวมเช่นกัน การอดนอนนั้นเป็นการรบกวนการทำงานของระบบประสาท ซึ่งมีผลต่อเนื่องไปยังการปรับสมดุลของปริมาณน้ำในร่างกาย โดยตามหลักแล้วการพักผ่อนที่ดีควรกินระยะเวลา 6 – 8 ชั่วโมง แต่หากนอนแล้วไม่หายเหนื่อยก็สามารถปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นสัก 20 นาทีก็จะช่วยได้ หรือเลี่ยงการเล่นมือถือก่อนนอน / กายบริหารเบา ๆ หรือ นอนโดยห่มผ้าอุ่น ๆ ก็จะช่วยได้เช่นกัน และสิ่งที่ห้ามทำ คือการกินหรือดื่มก่อนนอน เพราะพฤติกรรมเหล่านั้นจะไปรบกวนการทำงานของร่างกาย บุคลิกที่ถูกต้อง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของร่างกาย ท่าทางบุคลิกที่ไม่ดีจะส่งผลต่อระบบไหลเวียนให้ไม่ดีตาม ดังนั้นการใส่ใจกับท่าทางให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเวลาทำงาน ท่าที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำงาน คือ ท่านั่งไขว่ห้าง เพราะจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงของคุณเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ท่าที่เหมาะสม คือท่านั่งตัวตรงแบบสบาย ๆ ไม่แอ่นหน้าหรือแอ่นหลังมากเกินไป การยืดเส้นช่วยลดอาการบวมได้ นิสัยการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่การยืดกล้ามเนื้อก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ต่อไปจะเป็นการแนะนำวิธีการยืดกล้ามเนื้อที่คุณสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ลดอาการบวมบริเวณใบหน้าด้วย A E I O U การขยับปากด้วยคำว่า A E I O U จะช่วยยกกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของบริเวณนั้นและทำให้ระบบไหลเวียนได้ดีขึ้น เพื่อกำจัดอาการบวม * เคล็ดลับ หากคุณบริหารใบหน้าด้วยท่านี้ก่อนการแต่งหน้าจะช่วยให้แต่งหน้าได้ดีขึ้น หากคุณมีอาการตาบวมหลังตื่นนอน ก่อนเข้านอนแนะนำให้คุณใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบดวงตา หรือง่ายกว่านั้นโดยสวมผ้าปิดตา Carbon Eye Mask ที่ช่วยให้บริเวณรอบดวงตาของคุณอุ่นขึ้น เลือดไหลเวียนดีขึ้น เพื่อลดอาการปวมเมื่อตื่นนอน ผ้าปิดตาให้ความอุ่น Carbon Eye Mask หลังจากสวม 1 ชั่วโมงจะรู้สึกได้ว่า ไม่เพียงแค่บริเวณดวงตาเท่านั้นที่ค่อยๆอุ่นขึ้น แต่ยังรวมถึงบริเวณรอบๆดวงตาด้วย※ ความแตกต่างของอุณหภูมิจะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ดูรายละเอียด คลิก! ลดอาการบวมของขาด้วย ท่ายกขา ท่ายกขา คือ ท่าที่แนะนำให้คุณนอนหงายทำมุม 90 องศากับกำแพงให้หลังราบไปกับพื้นและบั้นท้ายชิดผนัง โดยการทำเช่นนี้ ของเสียและเลือดที่สะสมในร่างกายส่วนล่างจะไหลเวียนไปยังร่างกายส่วนบน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต หากคุณทำท่าทางนี้เป็นประจำจะทำให้อาการบวมหายไปได้ง่ายขึ้น ลดอาการบวมของขาด้วย ท่าเขย่งเท้า / นิ้วเท้า นอกจากการทำบนพื้นแล้ว ท่านี้สามารถทำได้ด้วยการนั่งบนเก้าอี้แล้วเหยียดขา และยกส้นเท้าเมื่อทำท่านี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเท้าได้ดีขึ้น สามารถลดอาการข้อเท้าบวมได้ หรือช่วยให้การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้นง่ายๆ ด้วยการใช้หมอนรองขาขณะนั่งยืดขาดูทีวี, อ่านหนังสือ หรือนั่งเล่นก่อนเข้านอน B-Balance foot pillow การนอนยกขาสูงกว่าระดับหัวใจ ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการบวมและเมื่อยล้า ให้ขาของคุณรู้สึกเบา ดูรายละเอียด คลิก! บทสรุป หลายคนมักมีปัญหาเช่น “ขาบวม” “หน้าบวมหน้าใหญ่” แต่อาการเหล่านั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกาย ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร เป็นต้น อีกทั้งการออกกำลังกาย และการยืดเส้นยืดสายสักหน่อย ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการบวม และช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วย ดังนั้นโปรดลองทำตามคำแนะนำของเรา เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและบรรเทาอาการบวมของคุณให้ดียิ่งขึ้น